บริการจดทะเบียนธุรกิจ
การเลือกรูปแบบธุรกิจ เป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาตั้งแต่แรกเริ่ม เนื่องจากมีวิธีการจัดตั้ง และข้อบังคับทางกฎหมายที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังทำให้เกิดภาระภาษีที่แตกต่างกันด้วย โดยทั่วไปที่เป็นที่สนใจได้แก่ เจ้าของคนเดียว (บุคคลธรรมดา) ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด
ในการเลือกรูปแบบธุรกิจ ผู้ประกอบการควรพิจารณาถึงข้อดีและข้อด้อยของธุรกิจแต่ละรูปแบบ และปัจจัยดังต่อไปนี้คือ
ขนาดของเงินทุนและขนาดธุรกิจ การบริหารงาน การรับผิดต่อกิจการ และความน่าเชื่อถือ
เจ้างของคนเดียว (บุคคลธรรมดา)
ธุรกิจเจ้าของคนเดียว เป็นการลงทุนคนเดียว
มีหน้าที่ยื่นแบบ "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา"
ข้อดี คือ จัดตั้งง่าย ไม่ต้องมีหุ้นส่วน ตัดสินใจได้เร็ว คล่องตัว กำไรไม่ต้องแบ่งให้ใคร
ข้อด้อย คือ ความเสี่ยงสูง ความน่าเชื่อถือน้อย อัตราภาษีตามอัตราก้าวหน้า สูงกว่าภาษีเงินได้นิติบุคคล
ห้างหุ้นส่วนจำกัด
เป็นกิจการที่มีคนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปมาร่วมลงทุน การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล โดยหุ้นส่วนแบ่งออกเป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิด และหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด
ข้อดี คือ เป็นนิติบุคคล อัตราภาษีสูงสุดต่ำกว่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การโอนหุ้นของหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดสามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องยินยอมโดยหุ้นส่วนทุกคน
ข้อเสีย คือ หากเปรียบเทียบกับบุคคลธรรมดา ต้องมีการจัดทำบัญชีตามกฎหมาย มีผู้ตรวจสอบบัญชีรับรอง ความคล่องตัวในการบริหารอาจไม่เท่าเจ้าของคนเดียว
บริษัท จำกัด
เป็นกิจการที่มีบุคคลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป นำเงินมาร่วมลงทุน โดยแบ่งทุนออกเป็นหุ้น แต่ละหุ้นมีมูลค่าเท่ากัน แต่ "ผู้ถือหุ้น" แต่ละคนอาจมีจำนวนหุ้นไม่เท่ากันก็ได้
ผู้ถือหุ้นแต่ละคนจะได้ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทตามสัดส่วนหุ้นที่ตนเองถืออยู่ และมีส่วนรับผิดชอบไม่เกินมูลค่าหุ้นที่ตนเองถืออยู่ จึงเป็นที่มาของคำว่าบริษัทจำกัดนั่นเอง
ข้อดี คือ จำกัดความรับผิด บริหารแบบมืออาชีพ มีความน่าเชื่อถือ อัตราภาษีสูงสุดต่ำกว่าบุคคลธรรมดา
ข้อเสีย คือ มีขั้นตอนการจัดตั้งมากกว่ารูปแบบอื่น บริหารในรูปแบบคณะกรรมการอาจไม่คล่องตัวในบางสถารการณ์ ค่าใช้จ่ายในการบริหารสูงกว่าบุคคลธรรมดา ต้องมีผู้ตรวจสอบบัญชีรับรองงบการเงิน